วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2558

[TOP10] 10อันดับภาพถ่ายสุดท้ายที่ถูกบันทึกไว้ก่อนตาย

อันดับที่10 โรเบิร์ต บัตต์ ดไวเยอร์ อันดับที่9 คริสโตเฟอร์ แมคเคนเลส อันดับที่8 เรนาลโด ดักซ่า อันดับที่7 โรเบิร์ต ลานส์เบิร์ก อันดับที่6 แกรี สล็อค อันดับที่5 โรเบิร์ต เบน โรเดส อันดับที่4 ทาร่า คาลิโค่ นักศึกษาวัย19ปี และ ไมเคิล เฮนเล่ย์ หนูน้อยวัย9ปี อันดับที่3 พาเวล คาชิน อันดับที่2 เดอะ ฟอลลิ่งแมน อันดับที่1 โอมายรา ซานเชส

วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2558

5อันดับมนุษย์สุดพิสดารที่มีร่างกายไม่เหมือนคนทั่วไป

อันดับที่5 2หัวใน1คน แอบิเกล และแอบบี เฮนเซล สองฝาแฝดผู้โชคร้ายที่เกิดมาพร้อมกับภาวะปกติของร่างกายที่ถูกเรียกว่า ไดเซพฟาลิก พารากัส ทำให้ทั้งคู่มีร่างกายที่ตัวติดกันตั้งแต่เกิด แม้ว่าจะมี2หัวก็ตาม นอกจากนี้พวกเธอยังมี หัวใจ กระเพาะอาหาร และเส้นประสาทไขสันหลังเป็นของแต่ละคน ทำให้เวลามีกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินหรือตบมืออาจจะไม่ได้ทำสำเร็จง่ายๆเหมือนคนทั่วไป เรื่องราวของแอบิเกล และ แอบบี ได้รับความสนใจจากผู้คนเป็นอย่างมากจนได้ไปออกอากาศในรายการทีวีอยู่บ่อยครั้ง อันดับที่4 จอร์จ ลิพเพิร์ต เกิดที่เยอรมัน ในปีค.ศ 1844 นอกจากที่เกิดมาแล้วมี3ขา เขายังมีหัวใจที่ใช้การได้2อันอีกด้วย ขาที่งอกออกมานั้นมีลักษณะเหมือนกับขาของมนุษย์ทั่วๆไปแต่มีนิ้วเท้าที่เกินออกมา1นิ้วทำให้เขากลายเป็นมนุษย์ที่มีนิ้วเท้าทั้งหมด16นิ้ว ว่ากันว่าจอร์จเป็นคนเข้าถึงได้ยากจึงจะเห็นได้ว่าไม่มีรูปถ่ายของเขาสักใบเดียวจะมีก็แต่รูปวาดเหมือนดังที่เราเห็นอยู่นี้ อย่างไรก็ตามมนุษย์ที่เกิดมาพร้อมขามากกว่า2ข้างไม่ได้มีคนเดียวเท่านั้น ฟรานเชสโก เลนตินี่เกิดมาพร้อมกับขามากถึง4ข้าง แต่จากการที่ขาข้างที่4ของเขา มันไม่งอกออกมาสักเท่าไรจึงทำให้เราเห็นเพียงแค่3ขาเท่านั้น ฟรานเชสโก ดุเหมือนจะมีชีวิตที่ดีกว่า จอร์จ เพราะเขาสามารถแต่งงาน มีลูก และมีอายุยืนยาวถึง78ปี ก่อนที่จะเสียชีวิตลง เขามีนิ้วเท้า16นิ้วเหมือนกับจอร์จ และมีอวัยวะสืบพันธุ์2อัน อันดับที่3 กัง กัง หนูน้อยวัยเพียง14เดือนที่เกิดมาพร้อมกับความผิดปกติทางร่างกายที่เรียกว่า ทำให้ดูเหมือนมีใบหน้า2ใบซ้อนทับกัน ในขณะที่ยังอยู่ในครรภ์มารดา ผลการตรวจสุขภาพของกัง กังเป็นปกติเหมือนเด็กทารกทั่วไป แต่เมื่อคลอดออกมา ยี ซิเลียน ผู้เป็นแม่จึงได้เห็นความผิดปกติของลูกชายตนเอง แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี เพราะครอบครัวของกัง กังสามารถรวบรวมเงินมาเป็นค่าผ่าตัดให้กับเจ้าหนูน้อยได้แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงถึง1แสนดอลล่าร์หรือราว3.5ล้านบาท อันดับที่2 แม้ในลิสต์การจัดอันดับที่ผ่านมาอวัยวะที่ผิดแปลกไปนั้นจะกิดจากตามความผิดปกติของธรรมชาติ แต่ก็มีบางคนตั้งใจให้เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน จัสมิน ไทรเดวิลล์ เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวบนโลกที่ยอมจ่ายเงินมากกว่า20000ดอลล่าร์หรือราว 7แสนบาทเป็นค่าศัลยกรรมเพื่อทำให้ตนเองมีหน้าอก3อัน และเธอก็ภูมิใจกับผลลัพธ์ของมันเป็นอย่างมากถึงขั้นสร้างแฟนเพจขึ้นมาเลยทีเดียว ซึ่งมีใครหลายคนเชื่อว่าที่เธอทำไปทั้งหมดเพราะเพื่ออยากเป็นจุดสนใจเพียงเท่านั้น อันดับที่1 4ขา4แขน ในทางด้านความเชื่อของศาสนา ดีปัค ปาสวาน เด็กชายชาวอินเดีย ถูกเชื่อว่าเป็นเทพเทวดาผู้จุติลงมา นั่นก็เพราะ เขาได้เกิดมาพร้อมแขนและขาอย่างละ2ข้างที่งอกออกมาจากบริเวณหน้าอกนั่นเอง แต่สำหรับปาสวานแล้วความผิดปกติของร่างกายนั้นสร้างความอับอายให้กับซะมากกว่า และเมื่อเรื่องราวความแปลกประหลาดของปาสวานได้ถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้มีโรงพยาบาลชื่อดังในเมืองบังคาลอร์ ณ ประเทศอินเดียอาสาช่วยเหลือการผ่าตัดให้แบบไม่คิดค่าใช้จ่ายและนั่นทำให้เด็กน้อยในวัย7ปีในขณะนั้นสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติทั่วไป อันดับที่1 แฝดสยาม อินและจัน คือฝาแฝดชื่อดังที่เกิดในเมืองไทยและมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งสาเหตุมาจากความผิดปกติของร่างกายที่เกิดมาตัวติดกัน พวกเขาเกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ2354ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่2 และในวันนึงเมื่อนาย โรเบิรต์ ฮันเตอร์ชาวอังกฤษได้พบกับพวกเขาและประทับใจกับความแปลกประหลาดของทั้งสองจึงนำแฝดคู่นี้ไปใชว์ตัวที่อเมริกาจนได้ไปอาศัยใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นและแต่งงานมีครอบครัว โดยอินสมรสกับ ซาราห์ แอน เยท และจันสมรสกับ อดิเลท เยท บังเกอร์ พวกเขาเป็นฝาแฝดคู่แรกของโลกที่สามารถดำรงชีวิตเหมือนคนธรรมดาได้ตลอดชีวิต และเป็นที่มาของคำว่า”แฝดสยาม”อีกด้วย

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2558

10อันดับตึกรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาดที่สุดในโลก

10อันดับตึกรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาดที่สุดในโลก อันดับที่10 สโตนเฮาส์ มันถูกสร้างขึ้นระหว่างหินสองก้อนใหญ่ในประเทศโปรตุเกสและมีรูปร่างหน้าตาคล้ายๆกับบ้านของตัวเอกในการ์ตูนฟลิ้นสโตน และเหมือนกับบ้านธรรมดาทั่วๆไตรงที่มันมีทั้งประตูหน้าบ้าน หลังคา และ หน้าต่างแต่จากการที่บ้านมีหินรูปทรงโค้งขนาบติดกันทั้งสองด้าน ทำให้ดูมีกลิ่นอายของความเก่าแก่และได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเยี่ยมชมถึงหลักพันคนต่อปี อันดับที่9 นี่ไม่ใช่หนังสือขนาดยักษ์แต่อย่างใด แต่เป็นหอสมุด ในแคนซัส ซิตี้ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ตึกถูกดีไซน์ให้เหมือนกับหนังสือที่ถูกเรียงต่อกันบนชั้นวางหนังสือ โดยมีทั้งหมด22เล่ม บ่งบอกถึงความหลากหลายของหนังสือในห้องสมุดได้เป็นอย่างดี อันดับที่8 แดนซิ่ง เฮาส์ เป็นชื่อเล่นที่ถูกตั้งให้กับตึกที่ถูกสร้างในเมืองปราก ณ ประเทศสาธารณรัฐเช็ก แน่นอนว่านี่เป็นหนึ่งในผลงานสถาปัตยกรรมชิ้นโบว์แดงของโลก ซึ่งถ้ามองด้วยอารมณ์ศิลปินหน่อยๆ เราอาจจะเห็นเหมือนตึกกำลังกอดกันเพื่อกำลังเต้นระบำกันอยู่ และมันคือผลงานที่สรรสร้างโดย ออสการ์ นีเมย์ และบรูโน คอนทารินี่ ร่วมกัน อันดับทึ่ 7 คิวบิค เฮ้าส์ ในเมือง รอทเทอดาม ประเทศ ฮอลแลนด์ ได้มีบ้านลักษณะเก๋ๆที่ถูกเรียกว่าคิวบิคเฮ้าส์อยู่ มันเป็นบ้านทรงลูกบาศก์6เหลี่ยม38อันที่วางตัวทำมุมองศาที่แตกต่างกันออกไปอยู่บนเสาต้นสูงๆ ซึ่งใครหลายคนก็อาจจะมองเห็นคล้ายกับต้นไม้ต้นนึงก็เป็นได้ อันดับที่6 เดอะ เนชั่นแนล เซนเตอร์ ฟอร์ เดอะ เพอร์ฟอร์มิ่ง อาร์ท หรือ เอนซีพีเอ คือ โอเปร่าเฮาส์ที่โด่งดังมากใน กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ถูกออกแบบโดย พอล อังดริว ชาวฝรั่งเศส หลายคนอาจมองสถาปัตยกรรมนี้เป็นเหมือนกับไข่ยักษ์ เพราะด้วยรูปทรงวงรีของตึก และขนาดความกว้างราว12000 ตารางเมตร โดยตึกนี้มีความจุของที่นั่งราว5500ที่เลยทีเดียว อันดับที่5 จากการที่บริษัทลองก้าเบอร์เกอร์ผลิตและจัดจำหน่ายตะกร้าและสินค้าอื่นๆอยู่แล้ว สถาปนิกเลยออกแบบสำนักงานลองก้าเบอร์เกอร์ให้เป็นตะกร้าใบใหญ่ดังที่เห็นนี้ นอกจากนี้ ที่จับตะกร้าของมันยังถูกทำให้ร้อนเพื่อป้องกันการก่อตัวของน้ำแข็งที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย ถือเป็นหนึ่งในตึกรูปแบบใหม่ที่เราไม่ค่อยเคยเห็นที่ไหนมาก่อน อันดับที่4 อีเอ็มพี มิวเซียม เชื่อว่าพอเห็นแวบแรกต้องมีอุทานออกมากันว่า”นี่มันอะไรกันเนี่ย” นั่นก็เพราะความแอ็บแสตรคอันเหลือล้นของตึกนี้ที่อาจจะทำให้ดูกันไม่ออกว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม ภายในมักจะมีงานนิทรรศการดนตรีระดับชาติบ่อยๆซึ่งอาจจะเป็นเหตุผลที่ต้องทำให้ตึกดูมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครแบบนี้ อันดับที่3 แฮบิแทท 67 เป็นอพารท์เม้นท์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในเมืองมอนทรีออล ประเทศ แคนาดา ออกแบบโดยสถาปนิกลูกครึ่งอิสราเอล-แคนาดา โมเชห์ ซาฟดี้ห์ รูปร่างหน้าตาของตึกดูละม้ายคล้ายกับการเรียงตัวของลูกบาศก์ที่เด็กใช้เล่นกัน และก็เหมือนอพารท์เมนท์ทั่วๆไปที่ตัวตึกมีความเสถียรมั่นคงและสะดวกสบายในการอยู่อาศัย อันดับที่2 ข้ามฟากมายังฝั่งดูไบกันบ้าง แคปิตอลเกท คือหนึ่งในตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในเมือง อาบูดาบี นอกจากความสูง มันยังถูกบันทึกในกินเน็ตส์เวิร์ดเร็คคอร์ดให้เป็น หอที่สร้างด้วยน้ำมือมนุษย์ที่เอนเอียงที่สุดในโลก โดยมันมีความเอียงมากกกว่าหอเอนปิซ่าที่ใครหลายคนรู้จักถึง4เท่าเลยทีเดียว อันดับที่1 วอนเดอเวิรก์ส ตึกสีขาวหลังใหญ่ที่ใครเห็นเป็นต้องสะดุดตาแน่ๆ เพราะมันถูกสร้างให้ดูคล้ายตึกที่คว่ำลงทั้งหลัง โดยวอนเดอเวิรก์สเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มักจะมีนิทรรศการเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ซึ่งมีที่ตั้งอยู่หลายสาขาในประเทศสหรัฐอเมริกา

วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2558

10อันดับการแหกคุกบรรลือโลก

10อันดับการแหกคุกบรรลือโลก อันดับที่ 10 ดีเตอ เดงเลอร์นักบินที่โดนยิงเครื่องบินตกที่ลาวในช่วงสงครามเวียดนาม เขาได้ถูกจองจำในเรือนจำ แต่เขาได้วางแผนและลงมือแหกคุกพร้อมกับนักโทษอีก6คน ซึ่งมีคนไทยอยู่ในนั้นด้วย2คน เขายิงผู้คุมตายไป3คน และหลบหนีเข้าป่าก่อนที่จะถูกพบ23วันต่อจากนั้น เขาถูกพบในสภาพอิดโรยจากการขาดน้ำอย่างหนักและมีรอยแผลจากยุงและปรสิตฝากไว้ทั่วร่างกาย โดยเรื่องราวการแหกคุกของเขาได้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ที่ชื่อ recue dawn ในปี2006อีกด้วย อันดับที่9 ชื่อของแฟรงค์ อาบาเนล อาจจะไม่เป็นที่คุ้นหูใครสักเท่าไร แต่เชื่อว่าถ้าเอ่ยถึง หนัง catch me if you can คงมีคนไม่น้อยที่เคยดูแน่ๆ แท้จริงแล้วหนังเรื่องนี้ถูกสร้างมาจากเรื่องจริงของ แฟรงค์ อาบาเนล นักต้มตุ๋นชื่อดังที่ปลอมตัวเป็นทั้ง ทนายความ นักบิน อาจารย์สอนหนังสือ และหมอ เขาหนีจากเอฟบีไอ ที่ติดตามเขามาหลายครั้ง ก่อนที่จะถูกจับกุมในปี1969 แต่นักต้มตุ๋นอยู่ที่ไหนก็เป็นนักต้มตุ๋น แฟรงค์หลอกผู้คุมได้อย่างสนิทใจว่าเขาเป็นสายลับที่แฝงตัวเข้ามา โดยมีเพื่อนของเขา จีน ซีบริงค์ คอยช่วยสนับสนุนเรื่อง สุดท้ายผู้คุมก็ปล่อยให้แฟรงค์และซีบริงค์เดินออกจากคุกและขับรถออกไปแบบสบายๆ ถือได้ว่าเป็นการแหกคุกที่ง่ายดายสุดๆ อันดับที่8 เมซพริซึ่น หรือ คุกแห่งเขาวงกต ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในคุกที่มีระบบรักษาความปลอดภัยดีที่สุด ดังนั้นการแหกคุกที่นี่ได้สำเร็จย่อมได้รับการกล่าวขานเป็นอย่างมาก ในปี1983 นักโทษ38นายได้ใช้ปืนที่ลักลอบนำปืนเข้ามาและจับผู้คุม6คนเป็นตัวประกัน พวกเขาเจรจาต่อรองจนได้รถตู้ที่จะใช้ในการหลบหนี แต่ก็ถูกจับได้เกือบครึ่งนึงทันทีที่พยายามออกจากอาณาเขตเรือนจำ ส่วนนักโทษอีก19รายโดนจับได้10ปีต่อจากนั้น แต่นักโทษที่เหลือ2คนยังคงไม่สามารถจับตัวได้จนถึงทุกวันนี้ อันดับที่7 เมื่อปี2001 จาควิน กุซแมน เจ้าพ่อค้ายาเสพติดชื่อดังในเม็กซิโกเคยติดสินบนคนในเรือนจำและหนีโดยการหลบอยู่ในรถตู้เสื้อผ้า ซึ่งเขาก็ได้ถูกจับในเวลาต่อมา แต่เมื่อเร็วๆนี้เองในเดือนกรกฏาคมของปี2015 กุซแมนได้ทำการหลบหนีอีกครั้ง เขาได้ขุดอุโมงค์จากห้องอาบน้ำทอดเป็นทางยาว โดยอาศัยเครื่องมือที่แอบลักลอบเข้ามา ซึ่งกว่าเจ้าหน้าที่จะรู้ตัว เขาก็หนีไปไกลเสียแล้ว อันดับที่6 เมื่อมีการจัดอันดับการแหกคุก เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีเขาอยู่ในลิสต์ เพราะ ปาสคาล ปาเยต์ ไม่ได้แหกคุกเพียงแค่1ครั้งเท่านั้น แต่มากถึง2ครั้งด้วยกัน หลังจากที่เขาถูกตัดสินจำคุก30ปีจากการก่อคดีปล้นเงินรถตู้ เขาเริ่มต้นแหกคุกครั้งแรกในปี2001 โดยอาศัยประโยชน์จากลานสนามกีฬาที่ตั้งอยู่บนดาดฟ้า และให้เพื่อนของเขาที่ขโมยเฮลิคอปเตอร์มารับตัวไปเท่านั้นยังไม่พอ2ปีต่อมา เขาก็ได้มาช่วยเพื่อนอีก3คนที่ถูกจองจำอยู่ ณ เรือนจำเดิม อย่างไรก็ตามปี2007 ทั้งเขาและผู้สมรู้ร่วมคิดก็ถูกจับได้และโดนลงโทษให้จำคุกเพิ่ม อันดับที่5 อัลคราทราซ คือเรือนจำที่มีการพยายามที่จะแหกคุกบ่อยครั้ง เนื่องด้วยสถานที่ตั้งของมันที่เป็นเกาะล้อมรอบด้วยทะเล อย่างไรก็ตามไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ทำสำเร็จ จนกระทั่ง แฟรงค์ ลี มอริส, จอหน์ และแคลแรน อังลิน ได้เข้ามาในคุก พวกเขาใช้สว่านที่ทำมาจากมอเตอร์ของเครื่องดูดฝุ่นในการเจาะห้องขัง แล้วจึงปีนจากห้องขังไปยังช่องระบายอากาศ พวกเขาหลุดรอดออกมายังปลายทางที่เป็นชายหาด จากนั้นก็พายเรือยางหนีหายออกไป อันดับที่4 คดีที่ชื่อ เดอะ เทกซัส เซเว่น เกิดขึ้นเมื่อวันที่13 ธันวาคม ปี2000 นักโทษชาย7คนได้ทำการแหกคุกที่เรือนจำเท็กซัส ถือได้ว่าเป็นการหลบหนีที่วางแผนมาค่อนข้างดี เพราะพวกเขาหลบหนีกันในช่วงที่มีการตรวจตราน้อยที่สุดนั่นก็คือตอนมื้ออาหารกลางวัน พวกเขาใช้วิธีในการทำทีเรียกเหยื่อเบี่ยงเบนความสนใจและให้อีกคนที่แอบอยู่ข้างหลังตีท้ายทอยจนสลบ จากนั้นก็ขโมยชุดมาเปลี่ยนและยึดบัตรประจำตัวจนครบทั้ง7คน แม้การหลบหนีจะประสบความสำเร็จแต่หลังจากนั้นเพียง1เดือนพวกเขาทั้งหมดก็ถูกจับกุมได้ อันดับที่3 จอหน์ ดิลิงเกอร์ ไม่ได้มีชื่อเสียงจากการปล้นธนาคารและก่ออาชญากรรมเพียงเท่านั้น แต่เขาได้กล่ายเป็นตำนานของเหล่าอาชญากรเมื่อเขาได้แหกคุกที่อินเดียน่า เขาเริ่มจากการนำแท่งไม้ที่ใช้ใส่สบู่และน้ำยาขัดรองเท้ามาปรับแต่งให้ดูเหมือนปืน จากนั้นเริ่มทยอยจับตัวประกันโดยเริ่มจากสัสดีเพื่อใช้เป็นใบเบิกทาง ก่อนที่จะหลบหนีอย่างใจกล้าบ้าบิ่นด้วยการขโมยรถที่จอดอยู่บริเวณนั้น แต่สุดท้ายโชคชะตาก็เล่นตลกกับเขาเมื่อเขาถูกจับในขณะที่กำลังข้ามไปยังรัฐอิลินอยส์ในข้อหาขโมยรถ อันดับที่2 ชอย กัป บอค ปรมาจารย์ทางด้านโยคะ เขาเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีลักทรัพย์ จึงถูกฝากขัง ชอยได้ทำให้คนทั่วโลกต้องตกตะลึงเพราะเขาสามารถใช้วิชาโยคะในการบีบตัวเองให้ลอดช่องให้อาหารขนาดเพียงแค่6x18นิ้วออกมาได้ แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่แทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นและได้ออกตามหาจนเจอตัวโดยใช้เวลา6วัน สุดท้ายชอยก็ถูกย้ายห้องขังไปในห้องที่มีช่องใส่อาหารเล็กกว่าเดิม อันดับที่1 การหลบหนีของทหาร76คนอาจจะดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วในปี1944 กลุ่มของทหารเชลยที่ถูกจองจำในค่ายสตาลัก ลูฟ3 ได้ขุดอุโมงค์เป็นทางยาวเชื่อมไปถึงป่าและใช้เป็นเส้นทางหลบหนี พวกเขาใช้เวลาวางแผนนานเป็นปีและเป็นการร่วมมือของเชลย600คน แต่มีเพียงแค่76คนเท่านั้นที่หลุดรอดไปได้ และแน่นอนมีการตามล่าพวกเขาหลังจากนั้น ถึงจะมีเพียงแค่3คนเท่านั้นที่หนีได้สำเร็จ นอกนั้นถูกฆ่าหรือจับเข้าค่ายเชลยอีกครั้ง แต่จากการที่นักโทษจำนวนมากสามารถแหกคุกได้ ทำให้เรื่องราวนี้ได้รับการขนานนามว่า “เดอะ เกรท เอสเคพ”