วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2558

10อันดับจ้าวแห่งความเร็วของโลก





10อันดับจ้าวแห่งความเร็วของโลก

อันดับที่10 มนุษย์ที่เร็วที่สุด
หากพูดถึงเรื่องความรวดเร็วแล้ว คงไม่มีใครไม่รู้จัก ยูเซน โบลต์ มนุษย์ที่มีสถิติการวิ่งเร็วที่สุดในโลก ในการแข่งขันวิ่ง100เมตรชิงแชมป์โลกที่กรุงเบอร์ลินเมื่อปี 2009 เขาได้ใช้เวลาเพียง9.58วินาที ในการไปถึงเส้นชัย และในการวิ่ง200เมตร เขายังได้สร้างสถิติด้วยการใช้ระยะเวลาเพียง19.19วินาทีอีกด้วย   โดยความเร็วสูงสุดในการวิ่งของเขาคือ 44.7กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีความเร็วเฉลี่ย 37.7กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อันดับที่9 เครื่องบินคนบังคับที่เร็วที่สุด
นอร์ทอเมริกันเอ็กซ์15 เป็นเครื่องบินวิจัยการบินความเร็วเหนือเสียงระดับสูงหรือที่เรียกกันว่าเครื่องบินไฮเปอร์โซนิค ถูกใช้งานโดยยูไนเต็ดสเตตแอร์ฟอร์ซ สามารถบินได้เร็วประมาณ 6.72 มัค หรือ 7,274  กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือเป็นความเร็วสูงสุดของโลกในเครื่องบินที่ใช้มนุษย์ควบคุม
อันดับที่8 ยานอวกาศที่เร็วที่สุด
นิวฮอไรซัน เป็นยานสำรวจอวกาศระหว่างดาวเคราะห์ซึ่งถูกปล่อยแป็นครั้งแรก มื่อวันที่ 19 มกราคม ปี ค.2006 โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนิวฟรอนเทียส์ ของนาซา ยานสร้างโดย ห้องปฏิบัติการฟิสิกส์ประยุกต์และสถาบันวิจัยเซาท์เวสต์    นิวฮอไรซันมีภารกิจเพื่อศึกษาดาวพลูโต ดาวบริวารของมัน และแถบไคเปอร์ โดยบินผ่านระบบพลูโตและวัตถุแถบไคเปอร์  ตั้งแต่หนึ่งวัตถุขึ้นไป ที่สำคัญมันถูกบันทึกให้เป็นยานที่เคลื่อนที่ได้เร็วที่สุด โดยยานนิวฮอไรซันเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 16.26กิโลมเตรต่อวินาที หรือ 58536 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว
อันดับที่7 รถที่เร็วที่สุด
ด้วยความเร็ว435.31 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เฮนเนสซี่ วีนอม จีที ได้เบียดเอาชนะ บูกัตติ เวย์รอน ขึ้นแท่นรถที่มีความเร็วที่สุดในโลก  โดยสำนักจอมบันทึก  กินเนสเวิล์ดเรคอร์ด ได้ร่วมทำการบันทึกสถิติครั้งนี้ที่สนามบินเอลิงตัน ผลก็คือ  เฮนเนสซี วีนอม จีที สามารถพิชิตตัวเลข  0 ถึง 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ใน 13.18 วินาที ในการวิ่งครั้งแรก ที่มีลมส่งท้าย 4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และในรันที่สองที่จับสถิติ มีลมต้าน 9.7 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำเวลามากขึ้นเป็น 14.08 วินาที
อันดับที่6 ลิฟต์ที่เร็วที่สุด
ลิฟต์ที่รวดเร็วที่สุด ณ ปัจจุบันอยู่ที่ เมืองไทเป ณ ประเทศไต้หวัน ด้วยความเร็ว 60.7กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ลิฟต์ ณ ตึกกวางโจงไฟแนนซ์เซนเตอร์ ที่กำลังก่อสร้าง และมีหมายกำหนดการเปิดตัวในปี2016 จะกลายเป็นลิฟต์ที่รวดเร็วที่สุดในโลกหากทำการก่อสร้างเสร็จ โดยคาดการณไว้ว่าลิฟต์นี้ จะมีความเร็วที่72กิโลเมตรต่อชั่วโมง และจะใช้เวลาในการเคลื่อนตัวจากชั้นที่1ถึงชั้นที่95ในเวลาเพียง43วินาทีเท่านั้น
อันดับที่5 คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุด
เทียนฮี 2 หรืออีกชื่อก็คือ"มิลค์กี้เวย์  2" ใช้ซีพียู ซีออน 32,000 ตัว ร่วมกับหน่วยประมวลผลร่วม ซีออนฟาย 48,000 และระบบเชื่อมต่อ ที่เรียกว่า ทีเอชเอกเพรสทู  มีหน่วยความจำรวม 1 เพทาไบท์ และครองแชมป์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลก5ครั้งติดต่อกันจนมาถึงในปัจจุบัน
คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ถูกใช้งานโดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีความปลอดภัยของประเทศจีน  มีสมรรถนะ 33.86 เพตาฟลอปต่อวินาที แต่สามารถเร่งความเร็วขึ้นไปได้สูงสุดที่ 54.9 เพตาฟลอปต่อวินาที

อันดับที่4 รถไฟที่เร็วที่สุด
รถไฟความเร็วสูง แม็กเลฟ ของญี่ปุ่นทดสอบวิ่งทำลายสถิติความเร็วสูงสุด 603 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ชูโอ ชินคันเซน แมกเลฟ  รถไฟรุ่นนี้ถูกพัฒนาโดย เซนทรัล เจแปน และใช้เทคโนโลยีพลังแม่เหล็กไฟฟ้าในการขับเคลื่อนรถไฟ โดยตัวรถไฟจะลอยอยู่เหนือแม่เหล็กและเคลื่อนที่ไปข้างหน้า และด้วยสาเหตุที่ตัวรถไฟลอยอยู่เหนือพื้นนี่เอง ทำให้ แมกเลฟ สามารถลดเเรงเสียดทานกับพื้นทำให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
อันดับที่3 สัตว์ที่เร็วที่สุด
สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรสัตว์ที่เคลื่อนที่ได้เร็วที่สุด ตกเป็นของ เหยี่ยวเพเรกริน แม้โดยปกติแล้วมันจะไม่ได้เคลื่อนที่เร็วมากในขณะที่บินธรรมดาในแนวนอน แต่เมื่อถึงเวลาล่าเหยื่อมันสามารถพุ่งดิ่งลงด้วยความเร็วมากถึง 200ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 322กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว
อันดับที่2  รถไฟเหาะที่เร็วที่สุด
ถ้าหากคุณเป็นพวกใจกล้าและชอบเรื่องหวาดเสียวแล้วละก็ รถไฟเหาะฟอร์มูล่า รอซซ่า ที่ตั้งอยู่ในเมือง อาบู ดาบีแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมสำหรับคุณเลยทีเดียว ด้วย อัตราเร่ง0-100กิโลเมตรใน2วินาที และ ความเร็วสูงสุด 241กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้รถไฟเหาะฟอร์มูล่า รอซซ่าได้ชื่อว่าเป็นรถไฟเหาะที่เร็วที่สุดในโลก

อันดับที่1 สิ่งที่เร็วที่สุดที่สามารถถูกบันทึกไว้ได้
ตามหลักฟิสิกส์แล้ว แสงได้รับการขนานนามให้เป็นสิ่งที่รวดเร็วที่สุดที่ถูกบันทึกได้ในจักรวาล จากการวัดความเร็วของแสงพบว่าอัตราความเร็วของแสงคือ 299,792,458 เมตร ต่อวินาที ซึ่งนั่นหมายความว่าถ้าคุณมีความเร็วเท่ากับแสงคุณก็จะสามารถเดินทางไปรอบโลกได้มากถึง7.4ครั้งในเวลา 1วินาทีเลยทีเดียว ซึ่งนั่นทำให้แสงกลายเป็นสิ่งที่รวดเร็วที่สุดที่มนุษย์สามารถบันทึกความเร็วเอาไว้ได้ 


ช่องyoutubeที่จะมานำเสนอวีดีโอ 10อันดับ และจัดอันดับเรื่องราวต่างๆ

จัดอันดับ channel ช่องที่จะนำเสนอวิดีโอ10อันดับและมาจัดอันดับเรื่องที่อยู่รอบๆตัวเราให้เขาใจง่ายผ่านการเรียงลำดับ

https://www.youtube.com/channel/UCmR592CYVSNs5lGoyRVYahQ

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558

10อันดับมนุษย์โคตรอึดตายยาก

อันดับที่10
ในเดือนพฤษภาคมปี ค.2000 ด็อกเตอร์ แอนนา โจฮัสสัน แพทย์ศัลยกรรมฝึกหัด กำลังเล่นสกีในเส้นทางนอกเมืองนาร์วิคประเทศนอร์เวยที่เคยใช้อยู่เป็นประจำ เมื่อไปถึงร่องของลำธารน้ำแข็ง เธอได้พลาดเสียการทรงตัวและร่วงลงไปยังลำธารนั้น ใบหน้าและลำตัวของเธอได้ติดแหง็กอยู่ใต้น้ำแข็งที่จับตัวกันอย่างแน่นหนา แต่เธอก็ยังพอมีสติที่จะนำถุงลมมาใช้หายใจ หลังจากผ่านไป40นาทีของความพยายามที่จะสลัดตัวให้หลุดจากลำธารน้ำแข็ง เธอก็ประสบกับภาวะร่างกายอุณหภูมิต่ำกว่าปกติ ซึ่งทำให้หัวใจ ระบบประสาทและอวัยวะส่นอื่นๆเริ่มที่จะทำงานไม่ปกติ เมื่อหน่วยกู้ภัยสามารถตัดน้ำแข็งออกและนำร่างของเธอออกมาได้ อุณภูมิในร่างกายของเธอเหลือเพียงแค่13.7องศา และมีชีพจรเต้นอย่างแผ่วเบา อย่างไรก็ตามเธอก็รอดชีวิตมาได้จากการส่งถึงมือแพทย์ได้ทันเวลาและใช้เวลาหลายเดือนในการฟื้นฟูสุขภาพจนกลับมาแข็งแรงเป็นปกติยกเว้นอาการเสียวเย็นของมือทั้งสองข้างที่เธอยังคงรู้สึกจนถึงทุกวันนี้
อันดับที่9
สายการบินยูโกสลาฟ ดีซี 9 ออกเดินทางจาก โคเปนเฮเกน ไปยังเบลเกรด โดยมีผู้โดยสารและคณะลูกขุนทั้งหมด 28คน ณ ระดับความสูง 33000 ฟุต ระเบิดที่ซ่อนไว้โดยกลุ่มก่อการร้ายในเครื่องบินเกิดการระเบิดขึ้น เครื่องบินแตกแยกเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ และตกลงไปตามยอดภูเขา ผู้โดยสารและคณะที่อยู่บนเครื่องบินเสียชีวิตทั้งหมด27คน เหลือเพียงแค่ เวสนา วูโลวิช ซึ่งเป็นพนักงานแอร์โฮสเตสของเครื่องบินเท่านั้นที่ตกลงมาพร้อมกับ ร้อยร้าวที่กระโหลก กระดูกขาสองข้างและกระดูกสันหลังที่หัก แต่ยังคงรอดชีวิตมาได้ เธอได้ใช้เวลาในการรักษาตัวอยู่หลายเดือนและได้รับการบันทึกในกินเนสส์บุ๊คให้เป็นมนุษย์ที่ตกลงมาจากความสูงที่มากที่สุดและยังคงมีชีวิตรอดโดยไม่อาศัยร่มชูชีพ
อันดับที่8
รอย ซูลิเวียน เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ ผู้ถูกขนานนามว่า เป็นมนุษย์สายล่อฟ้า นั่นก็เพราะว่าตลอดระยะเวาลา36ปีที่ทำงานเป็นเจ้าหน้าอุทยาน เขาเคยถูกฟ้าผ่าใส่ตัวลงมา 7ครั้งด้วยกัน ซึ่งบางครั้งเขาได้รับการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่ในบางครั้งมันก็สร้างอาการบาดเจ็บที่รุนแรง เช่น ทำให้ผมและไหล่ของเขาติดไฟ  หรือ ทำให้เกิดอาการแสบร้อนในทรวงอก  โดยแต่ละครั้ง เขาจะได้รับรอยแผลเป็นฝากไว้ในร่างกายของเขาเสมอ อีกทั้งรอยยังได้รับการบันทึกลงกินเนสส์บุ๊คในฐานะที่ได้รับอุบัติเหตุจากฟ้าผ่ามากกว่ามนุษย์คนอื่น ๆ และยังคงมีชีวิตอยู่ได้  อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดเขาก็เสียชีวิตลง จากการยิงตัวเองตายเพราะผิดหวังในความรัก
อันดับที่7
เดือนเมษายนปี2003. เอรอน ราลสตัน ในวัย27ปี ได้กำลังปีนเขาอยู่ที่ blue john canyon ในขณะนั้น หินขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักราว300กว่ากิโลก็ตกลงมาใส่แขนขวาของเขา แล้วคาอยู่ในลักษณะนั้นเพราะช่องเขาแคบเกินไปจนหินขยับไม่ได้ เอรอนได้พยายามใช้มีดพับแงะหินออกและพยายามชักรอกของเชือกที่ใช้ปีนเพื่อสลัดหินให้หลุด แต่ทั้งสองวิธีนี้ก็ไม่ได้ผลก็ไม่ได้ผลแต่อย่างใด
ท้ายที่สุด เอรอน ก็รู้ได้ว่าหนทางเดียวที่จะทำให้ออกไปได้ ก็คือการตัดแขนที่ติดอยู่กับหิน แม้แรงกดจากหินจะทำให้เลือดในส่วนนั้นหยุดไหลเวียน แต่การที่จะต้องตัดเส้นประสาท เส้นเอ็นและยังต้องหักกระดูกทิ้ง ทำให้เขาเล่าว่า มันเป็นอะไรที่เจ็บปวดมากกว่าความเจ็บที่เคยประสบมาเป็นร้อยเป็นพันเท่า เมื่อสลัดตัวเองจากหินได้แล้ว เขาจึงสามารถปีนขึ้นไปสู่พื้นดิน และได้รับความช่วยเหลือในเวลาต่อมา
อันดับที่6
มีใครหลายคนเคยกล่าวไว้ว่าการวิ่งมาราธอน ในทะเลทรายซาฮาร่าคือการแข่งขันกีฬาที่ทรหดที่สุดบนโลกนี้  นั่นก็เพราะว่าไม่ใช่แค่คุณจำเป็นต้องวิ่งให้เร็วที่สุดในสภาพอากาศที่ร้อนจัด แต่ยังมีความเสี่ยงที่จะหลงทางในสถานที่ทีไม่น่าอภิรมย์แห่งนี้อีกด้วย
ในปี 1996 มอโร พอร์ซเพอรี นักกรีฑาชาวอิตาลีก็ได้ค้นพบถึงความโหดร้ายของการแข่งขันนี้ ในขณะแข่งขันเขาต้องเจอกับพายุทรายในเวลากลางคืน และในตอนเช้าเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเขาเองได้หลงจากเส้นทางไปเสียแล้ว และด้วยน้ำที่เหลือเพียงแค่ครึ่งขวดเท่านั้น ทำให้เมื่อตอนที่น้ำของเขาหมดลง เขาต้องยอมกินปัสสาวะของตนเอง และได้ฆ่ากลุ่มค้างคาวบริเวณนั้นประมาณ20ตัวด้วยการตัดคอของมันออก เพื่อดูดเลือดมันเพื่อบรรเทาความกระหายน้ำ และกินค้าคาวเป็นอาหารประทังชีวิต เมื่อผ่านไป3วันและไม่มีสัญญาณของความช่วยเหลือใดๆมาถึง เขาจึงตัดสินใจกรีดข้อมือตัวเอง แต่เนื่องจากเลือดของเขาแข็งตัว เพราะขาดน้ำจึงทำให้เลือดนั้นไหลออกมาได้ไม่มาก พอร์ซเพอรี จึงใช้รอยเลือดเป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือและท้ายที่สุดในวันที่9 ก็มีกลุ่มคนเร่ร่อนพบเขาและนำส่งโรงพยาบาล
อันดับที่5
ในตอนเช้าของเดือน กันยายน ปี 2008 โรเบิร์ต อีแวนส์ คนไร้บ้านในวัย46ปี ถูกคนขับรถชนแล้วหนี ในขณะที่เดินข้ามถนน และ ในระหว่างตอนที่เดินกลับหลังจากเสร็จสิ้นการรักษาตัวที่โรงพยาบาล เขาก็ถูกรถไฟพุ่งเข้าขนจนตกลำธาร แต่เชาก็กลับรอดตายมาได้อีกครั้งอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์เกิดขึ้นในเวลาที่ห่างกันเพียงแค่7ชั่วโมงเท่านั้น
อันดับที่4
เฮเลน คลาเบน ในวัย21ปี ต้องการที่จะเดินทางจากเมือง แฟร์แบงค์ ไปยัง เมือง ซีแอตเทิล และเธอก็ตัดสินใจที่จะประหยัดเงินของเธอโดยการออกเดินทางไปกับนักบินฝึกหัดที่ชื่อ ราล์ฟ ฟอเรส และมันก็กลับกลายมาเป็นทางเลือกที่เธอต้องเสียใจไปชั่วชีวิต ในวันที่4เดือน กุมภา ปีค.1963 เครื่องบินของ ฟลอเรสได้พุ่งชนและร่วงลงมายังพื้นที่รกร้างและว่างเปล่าในบริเวณยูคอนเทอรีเทอรี ณ ประเทศ แคนาดา ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บและมีกระดูกบางส่วนที่หักจากเหตุการณ์นั้น
ในตอนนั้นเองอุปรณ์ยังชีพที่พวกเขามีเหลืออยู่นั้นมีเพียงแค่ ไม้ขีดไฟและอาหารกระป๋องเพียงเล็กน้อย
พวกเขาใช้พรมที่อยู่ในเครื่องบินมาแทนผ้าห่มและใช้แกสโซลีนในถังเชื้อเพลิงสำหรับการก่อไฟ เพื่อรับมือกับอุณหภูมิที่ติดลบ42องศา หลังจากผ่านไป 1สัปดาห์ อาหารสำรองของพวกเขาก็หมดลง ทำให้ต้องดื่มน้ำประทังชีวิตไปในแต่ละวัน อย่างไรก็ตามจากการที่ทั้งคู่มีน้ำหนักที่ค่อนข้างมากจึงทำให้ทนอยู่ในสภาพอากาศที่เหน็บหนาวและการขาดแคลนอาหารได้เป็นระยะเวลาทั้งหมด42วัน ก่อนที่ทีมช่วยเหลือจะค้นหาพวกเขาเจอ
อันดับที่3
อนาโทลี บูโรสกี ทำงานเป็นนักวิจัยฟิสิกส์พลังงานสูงที่เมืองโปรตวิโน  ในวันที่ 13 เดือนกรกฏาคม ปีค.1978 เขาได้การตรวจสอบเครื่อง ซิงโครตรอน ยู70 ที่ได้รับการรายงานว่าทำงานผิดปกติ โดยการก้มหัวลงไปตรวจดู แต่ปรากฏว่าหัวของเขาติดอยู่ในเครื่อง และในขณะเดียวกันกลไกความปลอดภัยของเครื่องก็ได้ทำงานผิดพลาด ส่งผลให้ ลำแสงโปรตอนยิทะลุงผ่านกระโหลกศรีษะของเขาไป โดยจากรายงานระบุว่ามีจำนวนรังสีมากกว่า2แสนแรด เข้าไปอยู่ภายในกะโหลก ศรีษะของบูโรสกีซึ่งโดยปกติแล้วเพียงแค่ได้รับรังสี500-600แรดก็สามารถทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
ใบหน้าของทูโบรสกีด้านซ้ายค่อยๆเริ่มเปล่งบวมขึ้น และไม่กี่วันต่อมาผิวหนังบริเวณนั้นก็เริ่มลอกออก เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแต่แพทย์คาดการณ์ว่าเขาจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตามเขากลับมีชีวิตรอดและสามารถกลับมาศึกษาในมหาวิทยาลัยต่อจนจบปริญญาเอก แต่หูข้างซ้ายของเขาก็ได้สูญเสียการได้ยินไปและใบหน้าด้านซ้ายของเขาก็ไม่มีความรู้สึกอีกต่อไป
อันดับที่2 ทรอแมนดันแคน
ทรอแมนดันแคนทำงานเป็นพนักงานสับรางรถไฟ และได้เกิดพลาดร่วงตกลงมาตรงหน้ารถไฟที่กำลังวิ่งอยู่ เขาถูกลากไปที่ใต้ล้อ และร่างกายถูกตัดออกเป็นสองส่วน แม้ว่าจะสูญเสียขาทั้งสองข้างและไตไป ดันแคนได้โทรไปหาหน่วยกู้ชีพด้วยตัวของเขาเอง  และมีชีวิตอยู่รอดนานถึง45นาทีก่อนที่ความช่วยเหลือจะมาถึง เขาได้รับการผ่าตัดรวมทั้งหมด23ครั้ง ในเวลา4เดือนก่อนที่จะออกจากโรงพยาบาลและมีชีวิตอยู่ได้ในปัจจุบัน
อันดับที่1
เฟรน เซลาค คือหนึ่งในบุคคลที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในด้านของการเฉียดตายหลายครั้งหลายครา ประสบการณ์เฉียดตายครั้งแรกเริ่มต้นเมื่อปี1962 เดือนมกรา ในฤดูหนาว เขาได้นั่งรถไฟที่กำลังไปยังเมือง ดูโบรฟนิก ทันใดนั้นรถไฟเกิดตกรางและร่วงลงไปยังแม่น้ำที่ผิวจับตัวเป็นน้ำแข็ง ในเหตุการณ์นั้น มีผู้เสียชีวิต 17คน แต่เฟรน รอดตายมาได้ โดยมีแขนข้างนึงหักและรอยฟกช้ำเพียงเล็กน้อย
ในปีถัดมา เขาต้องบินไปยังเมือง รีเยกาเพื่อกลับไปดูแลมารดา เฟรนขอนั่งหลังสุดติดกับที่นั่งของแอร์โฮสเตส แต่ในระหว่างที่เครื่องบินกำลังร่อนลงสู่พื้น เครื่องบินเกิดเหตุขัดข้องและ เกิดเหตุไม่คาดฝัน ประตูท้ายเปิดกะทันหัน เฟรนถูกพัดให้ตกออกจาเครื่อง แต่เฟรนกลับรอดตายราวกับปาฎิหารย์เพราะตกลงบนกองฟางหนา ส่วนผู้โดยสารที่เหลือทั้งหมด19คนเสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินตก
ในปี1966 รถโดยสารคันที่เฟรนนั่งเกิดประสานงานกับรถใหญ่กลางสะพานจนตกลงไปในแม่น้ำ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน และเป็นอีกครั้งที่เฟรนว่ายน้ำขึ้นฝั่งมาได้อย่างปลอดภัย

โชคร้ายของเฟรนยังไม่หมด ในปี 1995 เขาขับรถสวนกับรถบรรทุกในบริเวณคับขันบนไหล่เขาจนรถพุ่งตกลงไปในเหวลึก 300 ฟุตและระเบิด ไฟลุกท่วม โชคดีที่เฟรนเปิดประตูและกระโดดออกจากรถได้ทันก่อนที่มันจะดิ่งเหว  ในเวลาต่อมา ตำรวจพบเฟรนกำลังนั่งพิงต้นไม้ และมีบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามในปีค.2003 ชะตาชีวิตของเขาก็ได้เปลี่ยนไป เฟรนได้รับรางวัลจากการถูกล็อตเตอรี่ เป็นจำนวนเงินทั้งหมด1ล้านดอลล่าร์ ทำให้เขาได้ถูกขนานนามให้เป็นมนุษย์ที่มีความโชคดีในความโชคร้ายมากที่สุดในโลก


10อันดับความหมายที่ซ่อนอยู่ในโลโก้แบรนด์ดัง

10อันดับความหมายที่ซ่อนอยู่ในโลโก้แบรนด์ดัง
อันดับที่ 10 โทเบอโลน
โทเบอโลนได้ถูกผลิตขื้นเป็นครั้งแรกที่เมืองเบิร์น ในประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากเกี่ยวกับหมี ดังนั้นถ้าลองสังเกตดูดีๆแล้ว เราก็จะเห็นรูปหมีที่กำลังเกาะภูเขาอยู่ในโลโก้ของโทเบอโลน
อันดับที่9 บาสกิ้นร็อบบิ้นส์
ในตัวอักษรBRบนโลโก้ ประกอบไปด้วย สองสีนั่นก็คื่อน้ำเงินและชมพู แต่ถ้าหากมองดูเฉพาะตัวอักษรสีชมพูก็จะเห็นว่ามันคือ ตัวเลข31 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจริงของไอศครีมบาสกิ้นร็อบบิ้นที่มีทั้งหมด31รสชาติด้วยกัน
อันดับที่8 เฮอร์ชี่ย
แบรนด์ช็อกโกแลตชื่อดังของโลกที่ทำให้ใครหลายคนติดอกติดใจ โดยโลโก้ของสิ้นค้านี้ก็มีความหมายแฝงที่ซ่อนเอาไว้ในโลโก้เช่นกัน โดยถ้าลองตะแคงหัวไปด้านซ้าย หรือกลับหัวโลโก้ในแนวตั้งขึ้น ก็จะเห็นช็อกโกแลตที่เรากินอยู่เป็นประจำซ่อนตัวอยู่ระหว่างตัวอักษร K และ I นั่นเอง
อันดับที่7 กู๊ดวิลล์
องค์กรแห่งนี้ได้ประกาศจุดมุ่งหมายในการที่จะทำให้ผู้คนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งวัตุประสงค์นี้ได้ถ่ายทอดมายังโลโก้เครื่องหมายการค้า โดยหากสังเกตุตัวอักษร g พิมเล็กดีๆแล้วล่ะก็ เราก็จะเห็นครึ่งนึงของใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มนั่นเอง
อันดับที่6 โคลา โคล่า
ในบางครั้ง ความหมายแฝงที่ซ่อนอยู่ในโลโก้ก็อาจจะมาจากความบังเอิญก็เป็นได้ ในระหว่างตัวอักษรของ O และ Lของโลโก้นั้นสามารถถูกมองให้เป็นรูปธงของประเทษเดนมาร์กได้ ซึ่งโคลา โคล่า หรือ ที่คนไทยรู้จักกันในชื่อของโค๊กนั้น ก็ได้ใช้ประโยชน์จากจุดนี้ในการลุยตลาดและโฆษณาในประเทศเดนมาร์ก
อันดับที่5 กูเกิ้ล
โลโก้ของกูเกิลนั้นเป็นอะไรที่เรียบง่าย ไม่มีสัญลักษณ์ แต่สีสันจำเป็นมาก มันสามารถบอกเป็นตัวลักษณะของบริษัทได้ กูเกิลต้องการจะสือถึงความสนุก และได้ใส่มันในรูปแบบของสีซึ่งจะเห็นได้ว่าสีทั้งหมดในโลโก้ต่างก็เป็นแม่สีทั้งหมดยกเว้นตัวเดียวคือ ตัว L ซึ่งเป็นสีเขียวที่ได้จากการผสมของแม่สี กูเกิลพยายามจะบอกว่าตัวเองนั้นเป็นบริษัทที่ไม่สามารถเล่นได้ตามกฎเกณฑ์เพราะขนาดตัวอักษร Lในโลโก้ยังไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์เลย
อันดับที่4 ฟอร์มูล่า วัน
สีแดงของโลโก้บ่งบอกถึงแรงปรารถนาอย่างแรงกล้าและพละกำลัง ในขณะทีสีดำสื่อให้เห็นถึงความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ และที่ยิ่งไปกว่านั้น ก็คือช่องว่างระหว่างตัวFและรอยหนามแดง ที่ถ้ามองดูดีๆแล้วก็จะเห็นเป็นตัวเลข 1 ซ่อนเอาไว้นั่นเอง
อันดับที่3 แมคโดนัลด์
สัญลักษณ์ตัว Mสีเหลืองนอกจากจะเป็นอักษรตัวแรกของแมคโดนัลด์ แล้วมันยังมีความหายที่ลึกลับซับซ้อนมากกว่านั้นอีก ในปีคศ1960 แมคโดนัลด์ต้องการที่จะปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ และมีการถกเถียงกันเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนโลโก้ อย่างไรก็ตาม หลุยส์ เชสกินส์ นักจิตวิทยาและที่ปรึกษาของแมคโดนัลด์ได้โน้มน้าวให้แมคโดนัลด์ใช้โลก้แบบเดิมต่อไป โดยเขาได้ให้เหตุผลไว้ว่า โลโก้ตัวนี้จะทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่ามันเป็นเสมือนเต้านมแม่ที่ให้คุณประโยชน์และทำให้ผู้บริโภคอยากอาหารมากขึ้นอีกด้วย
อันดับที่2 เฟดเอ็กซ์
ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในโลโก้ที่มีความหมายซ่อนที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุด สำหรับใครที่ยังไม่เคยสังเกตเห็น ให้ลองมองดูช่องว่างระหว่างตัวอักษร Eและ X ซึ่งช่องว่างระหว่างทั้งสองตัวอักษรได้ทำให้เกิดลูกศรที่ชี้ไปด้านขวา ซึ่งผู้ดีไซน์โลโก้นี้ได้ให้คำอธิบายว่าหัวลูกศรหมายถึง การก้าวไปข้างหน้า ความรวดเร็วและความถูกต้องแม่นยำ และการซ่อนลูกศรนี้ก็เพื่อที่จะสร้างความแปลกประหลาดใจให้กับผู้พบเห็นมากกว่า
อันดับที่1 อเมซอน

ใครหลายคนเมื่อได้เห็นลูกศรโค้งสีเหลืองบนโลโก้อเมซอนมักจะคิดว่านั่นคือรอยยิ้มธรรมดาๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วลูกศรถูกออกแบบให้มีจุดเริ่มต้นที่อักษร aและจุดสิ้นสุดที่ตัว อักษรz ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของสิ้นค้าในร้านค้าออนไลน์ของอเมซอนนั่นเอง